Bull Market, Bear Market คือ อะไร ?

  Posted on 4 years ago (Jan 27, 2020)
4382
List of content
Bull Market, Bear Market คือ อะไร ?

Bull Market, Bear Market ใช้กล่าวถึงสภาวะของตลาดของการลงทุน ทั้งสองคำใช้อธิบายว่าตลาดได้ดำเนินการไปอย่างไร ไม่ว่าตลาดการลงทุนจะไปในทิศทางบวกหรือทิศทางลบ และถ้าเราเป็นนักลงทุน การให้ความสำคัญของสภาวะตลาดถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำครับ 

ทำความรู้จัก Bull Market และ Bear Market

Bull Market 

Bull Market ปกติทำให้ราคาของหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งมักเกิดพร้อมการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และอัตราการว่างงานลดลง

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอุปสงค์ของนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่น ในช่วงเวลานี้โดยมีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น จึงทำให้ความต้องการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าแนวโน้มของเศรฐกิจเป็นบวก

สภาวะตลาดที่เป็นแบบกระทิง คือ ตลาดที่มีเส้นเทรนไลน์ (Up trend) แบบชันขึ้นมากกว่า 45 องศา หากเส้นมีความชันแบบนี้ถือว่าเป็น Bull Market โดยปกติมักเอา TF แบบ 1H ขึ้นไปมาเป็นตัวกำหนด แต่หากใช้เส้นต่ำกว่านี้ จะยังไม่สามารถบอกว่าเป็น  Bull Market ได้แน่นอน 100%

Bear Market 

Bear Market ปกติมักถูกกำหนดให้ลดลง 20% จากระดับสูงสุดล่าสุด ซึ่งสาเหตุที่เทำให้เกิดตลาดหมีมีหลากหลายปัจจัย โดยทั่วไปจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่มีทิศทางขาลงอย่างเห็นได้ชัด และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น

สภาวะตลาดที่เป็นแบบหมี คือ ตลาดที่มีเส้นเทรนไลน์ (Down trend)  แบบชันลงมากกว่า 45 องศา หากเส้นมีความชันแบบนี้ถือว่าเป็น Bear Market โดยปกติมักเอา TF แบบ 1H ขึ้นไปมาเป็นตัวกำหนด แต่หากใช้เส้นต่ำกว่านี้ จะยังไม่สามารถบอกว่าเป็น  Bear Market ได้แน่นอน 100%

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Bull Market, Bear Market 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Bull Market, Bear Market มี 5 ปัจจัยดังนี้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Bull Market, Bear Market

เทคนิคการเทรด Bull Market, Bear Market 

การเทรด Forex ต้องมีเทคนิคการเทรดเพื่อที่เราจะสามารถทำกำไรจากการเทรดได้ โดยทั้งสองตลาดมีเทคนิคการเทรด ดังนี้

เทคนิคการเทรด forex ในตลาด Bull Market

กลยุทธ์ง่ายๆในการทำกำไรกับ ตลาดกระทิงคือ ให้เราใช้การเปิดคำสั่งซื้อ (Buy Order) เท่านั้น โดยรอดูจุดที่ค่า RSI ต่ำกว่า 30 และทำสัญญาณกลับตัวขึ้น หรืออาจเลือกดูที่ค่า MACD เพื่อดูเรื่องของการกลับตัวในทิศทางขาขึ้นของกราฟก็ได้ครับ และห้ามแทงสวน หรือเทรดสวนตลาดขาขึ้นหรือตลาดกระทิงโดยเด็ดขาด เจ็บกันมาเยอะแล้ว!

เทคนิคการเทรด forex ในตลาด Bear Market

สำหรับกลยุทธ์ในการเทรด forex เพื่อทำกำไรในตลาดขาลง หรือ Bear Market เราจะใช้คำสั่งขาย (Sell Order) เท่านั้น โดยสำรวจค่า RSI ถ้ามากกว่า 80 และทำสัญญากลับตัวขาลง เพียงเท่านี้ก็พอครับ และเหมือนเช่นเดิมคือ อย่าเปิดแทงสวนเทรนโดยเด็ดขาด เพราะการทำแบบนี้มีความเสียงอย่างมากที่จะเกิดการล้างพอร์ตครับ ตรงนี้ความรู้เรื่องเทรนจะสามารถช่วยในการเทรดได้มากทีเดียว

สำหรับเทคนิคการเทรดของสภาวะ Bull Market, Bear Market ตามที่กล่าวไป ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีมาก ๆเพราะว่าคุณสามารถที่จะทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว โดยการใช้ Indicator แค่ 2 ตัวได้แก่ MACD กับ RSI เท่านั้น ดังนั้นถ้าเจอสภาวะตลาดแบบนี้แล้ว ก็โปรดอย่าลืมเทรดทำกำไรกันเยอะ ๆ ครับ

รูปแบบของ Bull และ Bear Market

รูปแบบของ  ตลาดหมีและตลาดกระทิง เป็นรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน เพียงแค่ทิศทางการเคลื่อนไหวตรงกันข้ามเท่านั้น รูปแบบของมัน มี 2 –  3 รูปแบบหลัก ๆ  โดยในวันนี้ผมจะกล่าวถึง 3 รูปแบบ ได้แก่  รูปแบบเคลื่อนไหวรุนแรง  รูปแบบ เคลื่อนไหวค่อยเป็นค่อยไป รูปแบบ แกว่งตัวมีทิศทาง ทั้ง 3 รูปแบบเป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุดในตลาด Forex โดยมีรูปประกอบดังต่อไปนี้ 

1.รูปแบบการเคลื่อนไหวค่อยเป็นค่อยไป 

รูปแบบการเคลื่อนไหวค่อยเป็นค่อยไป จะทำให้เกิดกราฟขาลงชัดเจน แต่ไม่มีแท่งยาว ๆ แต่ว่าก็จะค่อย ๆ ลงสลับขึ้นตลอดไม่หวือหวา มีทิศทางแน่นอนในกราฟแท่งเล็ก ขณะที่รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่เทรดยากที่สุดเพราะว่า หลายคนคาดหวังกราฟกลับตัว อย่างไรก็ตาม มันก็อาจจะนาน หรือไม่นานก็ได้ เราจึงไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นนานเท่าไหร่ 


2.รูปแบบเคลื่อนไหวรุนแรง 

รูปแบบเคลื่อนไหวรุนแรง จะเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรง ความชันสูง ดังรูปในวงกลม แต่ว่าระยะเวลาอาจจะเกิดสั้น ๆ เพียงช่วงเวลาหนึ่งของ Time Frame เป็นรูปแบบที่เทรดตามน้ำง่ายที่สุดเช่นกัน

 

3.รูปแบบแกว่งตัวมีทิศทาง

รูปแบบการแกว่งตัวมีทิศทาง คือ การผสมกันของรูปแบบ 2 รูปแบบก่อนหน้า ทำให้มันแกว่งตัวกว้างมาก แต่ก็มีทิศทาง ซึ่งคล้าย ๆ กับ Side Way up หรือ Side Way Down 

 

 

กล่าวโดยสรุป Bull Market, Bear Market เป็นสภาวะตลาดของการลงทุน ซึ่งมีรูปแบบของตลาดที่แตกต่างกัน ทำให้เทคนิคในการเทรดแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับการทำกำไร อีกทั้งรูปแบบที่เราได้ยกตัวอย่างมาทั้ง 3 รูปแบบ ทำให้เราสามารถคาดการณ์รูปแบบการเทรดได้ครับ แต่นี่เป็นเพียงกาให้ความรู้เกี่ยวกับการสภาวะตลาดของการเทรด Forex เท่านั้น เนื่องจากการเทรดทุกสินทรัพย์ย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นก่อนที่เราจะทำการเทรดต้องทำการศึกษาอีกหลายปัจจัย รวมไปถึงการยอมรับความเสี่ยงการเทรดด้วยครับ 

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้ดังนี้

 

คลังบทความความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่

 

คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ ฟรี!!: คลิกที่นี่ 

รีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม: คลิกที่นี่ 


บทความ แนะนำ
คอร์สเรียน Forex ยอดนิยม