สำหรับคนที่กำลังสนใจอยากลงทุนใน Forex สิ่งสำคัญนอกจากวิธีการเทรดแล้ว คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับคู่เงิน (Forex Currency Pairs) เราเชื่อว่า นักลงทุนมือใหม่หลายคนยังคงสงสัยกันอยู่ว่า คู่เงินคืออะไร สำคัญอย่างไรใน Forex ดังนั้น เพื่อให้คุณได้ลงทุนอย่างสบายใจ และมีกำไรจากการลงทุนมากขึ้น เราจึงนำสาระดี ๆ เกี่ยวกับคู่เงินมาฝากกันครับ
สกุลเงิน (Currency) คือ หน่วยของสกุลเงินในประเทศต่าง ๆ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีสกุลเงินที่แตกต่างกันไป อย่างบ้านเรา หน่วยของเงิน คือ บาทไทย หรือที่รู้จักกันว่า (THB) แต่สกุลเงินหลัก ๆ ที่ทำการซื้อขายในตลาด Forex นั้นก็จะมีอยู่ 7 สกุลเงินด้วยกัน คือ
1) ดอลลาร์สหรัฐ (USD = US Dollars)
2) ยูโร (EUR = Euro)
3) ปอนด์ (GBP = Great Britian Pound)
4) เยน (JPY = Japanese Yen)
5) ดอลลาร์แคนาดา (CAD = Canadian Dollars)
6) สวิสฟรังค์ (CHF = SwissFranc = Schweizer Franken )
7) ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD = Australian Dollars)
คู่เงิน (Currency Pairs) คือ สิ่งที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนในตลาด Forex เพราะการซื้อ - ขายสกุลเงินจะต้องทำเป็นคู่ กล่าวคือ เราจำเป็นต้องนำค่าเงินหนึ่งไปแลกเปลี่ยนกับอีกค่าเงินหนึ่ง นั่นจึงเรียกว่า "คู่เงิน"
นอกจากความหมายของคู่เงินแล้ว สิ่งที่จะสามารถบอกได้ว่า คู่เงินคืออะไร ก็คือความสำคัญของคู่เงินนั่นเอง เพราะหากทราบความสำคัญแล้ว จะทำให้ทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคู่เงินนั้นมีความสำคัญมากใน Forex เพราะเปรียบเหมือนหัวใจของการลงทุนของนักลงทุน คู่เงินจะเป็นตัวกำหนดว่า คุณจะได้กำไร หรือขาดทุน
อย่างที่รู้กันแล้วว่า คู่เงินหมายถึงอะไร สำคัญอย่างไร แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ทำไมนักลงทุนส่วนใหญ่ถึงให้ความสนใจเกี่ยวกับคู่เงินกันมาก นั่นก็เพราะว่า จุดเด่นของคู่เงินอยู่ที่การเป็นตัวกำหนดยอดเงินในอนาคตของเรา เพราะการเทรดคู่เงินจะเป็นตัวกำหนดว่า หากเราลงทุนไปแล้วจะได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ ทั้งนี้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์การเงินมาประกอบในการเลือกคู่เงิน
ในการลงทุนกับ Forex นั้น การเทรดคู่เงินจะมีอยู่ 2 แบบ คือ คู่เงินหลัก ซึ่งเป็นคู่สกุลเงินหลัก ๆ ที่ใช้กันในหมู่นักลงทุนของ Forex และคู่เงินรอง คือ คู่ของสกุลเงินที่มีใช้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เป็นสกุลเงินที่นิยมกัน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะทำการเลือกเล่นคู่เงินหลัก และมีการซื้อคู่เงินรองไว้เก็งกำไรบ้างเล็กน้อย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอีกหนึ่งทาง
– ประเทศแถบยูโรโซน ถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่สำคัญของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องจากการที่ค่าเงินฟรังก์สวิสค่อนข้างจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า จึงเหมาะในการซื้อขายในระบบปฏิบัติการ Carry Trade โดยแนวโน้มความเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้เป็นไปในทิศทางบวกตั้งแต่ปี 2549
– คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย โดยจะมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างคู่สกุลเงิน USD/JPY และ EUR/USD นักลงทุนส่วนใหญ่มักจับตามองการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้ โดยจะมุ่งความสนใจไปที่อัตราดอกเบี้ย และค่าความต่างระหว่างอัตราการเติบโตของประเทศญี่ปุ่นและประเทศแถบยูโรโซน
– คู่สกุลเงินนี้เป็นที่ต้องการมากที่สุดในการตกลงซื้อขายแบบ Carry Trade เนื่องจากมีค่าความต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างที่สุด โดยคู่สกุลเงินนี้เหมาะสำหรับการสร้างสถานะซื้อ (Long Position) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีตัวชี้วัดพื้นฐานและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ
– สำหรับประเทศอังกฤษ ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 หากนักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องระหว่างประเทศอังกฤษและค่าเงินปอนด์เป็นหลักแล้ว เขาก็ต้องเลือกที่จะลงทุนในคู่สกุลเงินนี้อย่างแน่นอน เพราะ GBP/USD เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมากที่สุด
– นักลงทุนสามารถทำนายแนวโน้มในการซื้อขายราคาน้ำมันได้โดยคำนวณจากคู่สกุลเงินนี้ ประเทศแคนาดามีแหล่งกักเก็บน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ถือเป็นประเทศส่งออกน้ำมันหลักดังนั้นจึงทำกำไรโดยการเพิ่มราคาน้ำมัน ในทางตรงกันข้ามประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจะต้องพบกับภาวะขาดทุน ดังนั้น หากต้องการทำกำไรจากการเปิดสถานะซื้อคู่สกุลเงินนี้ ควรทำในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
ทั้งหมดนี้ คือ ความหมายของคู่เงิน รวมถึงคู่เงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน อย่างไรก็ดี แม้จะทราบแล้วว่า คู่เงินไหนที่ควรเทรด แต่ทุกท่านก็อย่าลืมไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาด Forex และกลยุทธ์ในการเทรดเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ ประกอบการเทรด เพื่อให้การเทรดเป็นมีประสิทธิภาพสูงสุด
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมดังนี้
คอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ ฟรี!! : คลิกที่นี่
คลังบทความความรู้เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทความรีวิวโบกเกอร์เพิ่มเติม : คลิกที่นี่
บทวิเคราะห์รายวัน : คลิกที่นี่