ต้นกำเนิด และที่มาของมูลค่า Bitcoin

  Posted on 3 years ago (May 29, 2020)
2292
List of content
ต้นกำเนิด และที่มาของมูลค่า Bitcoin

Bitcoin หรือ บิตคอยน์ ซึ่งเป็น Cryptocurrency หรือ สกุลเงินดิจิตอลประเภทหนึ่ง โดยสกุลเงินดิจิตอลหมายถึงสินทรัพย์ดิจิตอลที่ใช้วิทยาการเข้ารหัสลับเพื่อรับประกันธุรกรรม และควบคุมการสร้างหน่วยเงินเพิ่ม ซึ่งในที่นี่เราจะไม่ได้กล่าวถึงความหมายของสกุลเงินดิจิตอล แต่เราจะกล่าวถึงต้นกำเนิด และที่มาของ "บิตคอยน์"

บิตคอยน์มีต้นกำเนิดจากแนวคิดที่ว่ามีคนต้องการระบบเงินใหม่ที่ไม่ถูกตรวจสอบขึ้นมา จากเดิมที่มีระบบธนาคารกลางเป็นผู้ดูแล และมีหน้าที่กำหนดมาตรฐาน รวมถึงมูลค่าของเงิน ทำให้ธุรกรรมทางการเงินทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของธนาคารกลางนั่นเอง แต่กระบวนการเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจบรรดาธุรกิจใต้ดิน เพราะต้องระบุตัวตน เวลาโอนเงินก็ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้ถูกตรวจสอบได้ง่าย

ดังนั้น จึงมีหลายๆ คนพยามจะสร้างสกุลเงินใหม่ที่ไม่ผ่านระบบธนาคารกลาง และเป็นที่ยอมรับใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีโปรแกรมเมอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโต้ ได้สร้างระบบที่เรียกว่า "Blockchain" ออกมา ซึ่งเป็นระบบเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็วของสกุลเงินดิจิทัล จากการปั๊มเงินออกมาเรื่อย ๆ ได้ตามใจชอบ โดยนำระบบการทำงานของอัลกอริทึมมาใช้ แล้วกำหนดปริมาณเงินในระบบไว้ไม่ให้เกิน 21 ล้านหน่วย ทำให้บิตคอยน์เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากมีระบบป้องกันเงินเฟ้อนั่นเอง

 

บิตคอยน์มีมูลค่าได้อย่างไร?

แน่นอนว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งมูลค่าของสินทรัพย์ก็ย่อมเกิดจากอุปสงค์และอุปทานของตัวมันเอง และแน่นอนว่าบิตคอยน์นั้นมีสิ่งนี้ ในทุกวันนี้มีร้านค้า หรือการชำระบริการจำนวนมากที่สามารถชำระสินค้าได้ด้วย บิตคอยน์ และปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้บิตคอยน์มีมูลค่าขึ้นมา ก็คือความยุ่งยากในการสร้างมันขึ้นมา อย่างที่กล่าวไปข้างต้นบิตคอยน์ไม่สามารถสร้างได้จากการนิมิตรมันขึ้นมา แต่บิตคอยน์สามารถสร้างได้จากวิธีการสองอย่างดังนี้ การขุดบิตคอยน์ และการแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ด้วยสกุลเงินอื่นๆ

การขุดบิตคอยน์คืออะไร?

อย่างที่บอกไปข้างต้น คือ บิตคอยน์ถูกดูแลภายใต้ระบบ Blockchain ที่ทำงานโดยอัลกอริทึม "การขุดคอยน์" อธิบายง่าย ๆ ก็คล้าย ๆ กับการที่เราเข้าไปขุดทองในเหมือง แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบมาทำในระบบคอมพิวเตอร์แทน โดยจะต้องนำคอมพิวเตอร์ของเราไปเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ระบบบิตคอยน์ใช้ในการเก็บธุรกรรมต่าง ๆ จึงจะได้รับค่าตอบแทนคือเงินบิตคอยน์ แต่การจะได้ค่าตอบแทนนั้นจะต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น ถ้าทำสำเร็จเราก็จะเป็นเจ้าของบิตคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการขุดนั่นเอง

สำหรับความยากง่ายของการขุด ขึ้นอยู่กับจำนวนบิตคอยน์ที่เหลืออยู่ในระบบที่ถูกกำหนดสูงสุดไว้ที่ 21 ล้านหน่วย เพราะฉะนั้นยิ่งจำนวนบิตคอยน์เหลือน้อย การแก้สมการก็ยิ่งยากมากขึ้น รวมถึงความแรงของการประมวลผลคอมพิวเตอร์เราด้วยที่ต้องมากขึ้นตามความยากของการขุด ทำให้เราเห็นข่าวเรื่องที่คนหันมาซื้อการ์ดจอแรง ๆ เพื่อมาแข่งกันขุดบิตคอยน์นั่นเอง คอมพิวเตอร์ของใครแรงกว่าก็จะมีโอกาสแก้สมการได้เร็วกว่า ส่วนจำนวนเงินที่ได้จากการขุดถูกกำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งช่วงแรกจะได้ครั้งละ 50 BTC โดยจำนวนเงินที่ได้จะค่อย ๆ ลดลงทุก 4 ปี ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ครั้งละ 25 BTC เท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันจำนวนบิตคอยน์ที่เหลืออยู่ในระบบมีไม่ถึง 5 ล้าน BTC แล้ว แต่จำนวนคนที่เข้ามาขุดกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น โอกาสรวยจากการขุดหาบิตคอยน์จึงยากมากขึ้น เนื่องจากต้องลงทุนซื้อการ์ดจอราคาแพง

การแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ด้วยสกุลเงินอื่นๆ

หากใครที่ไม่มีคอมพิวเตอร์แรง ๆ ไปขุดบิตคอยน์ เราสามารถนำเงินสกุลอื่น ๆ ที่ได้รับการยอมรับไปแลกเพื่อเก็งกำไรมูลค่าของบิตคอยน์ได้จากนักขุด โดยมีร้านรับแลกแบบออนไลน์เกิดขึ้นมากมายที่ทำหน้าที่เสมือนธนาคาร ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นกับกลไกการตลาดกำหนด คือ ช่วงเวลาไหนที่ได้รับความนิยมสูง มูลค่าของบิตคอยน์ก็จะสูงขึ้นตาม

อย่างไรก็ตามในทุกวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่บิตคอยน์อย่างเดียวที่เป็นสกุลเงินดิจิตอล แต่ยังมีสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆที่เกิดขึ้นมาใหม่อย่างมากมาย ทั้งนี้สกุลเงินดิจิตอลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในโลกการเงินยุคใหม่นี้


บทความ แนะนำ
คอร์สเรียน Forex ยอดนิยม